top of page

AMOLWAN PHOKAN (AIE)

 

Address: 235/142 Thanakorn village, Muang , Roi-Et 45000

E-mail: Amolwan_PK@hotmail.co.th

Tel: 089-2742294

Professional info

 

I'm a lonely girl in big city, Mahasarakham.

Far away from Roi-Et, my home town.

I leave my lovely house to study here at Mahasarakham University.

I'm majoring in English, faculty of Education.

I want to to develop my teaching and curriculum management for education

an internationally recognized. I'm also waiting for new extreme experiences,new friendships

and new things. Hope I get it soon.

Fighting !!! OMG

Work experience

 

January, 2011 – November, 2012:

            Ruk-Rien Academy Tutorial School, Mahasarakham, Thailand

           Job Title: Teacher’s assistant; English tutor, managing courses and counseling of students.

 

 

January 2010 – December 2010:

            Prawitt Tutorial School, Roi-Et, Thailand

           Job Title: Teacher’s assistant; English tutor, managing courses and counseling of students.

 

Education Backgroud
 

June, 2010 – 2015: Mahasarakham University, Mahasarakham, Thailand

            Major: English

            Areas of study: Curriculum Development and Management, Educational

                                     Assessment and Evaluation, Applied Phonetic

            Date of graduation: March 2015

            Degree: Bachelor of Education

 

 

May, 2008- March 2010: Satrisuksa School, Roi-Et, Thailand

            Field: English-France

            Degree: Mattayomsuksa 4- 6 (High School) 

            GPA: 3.92, GPAX: 3.90

 

Languages

 

Language skills: Speaking, listening, writing and reading good English

   

Skills

 

PHOTOSHOP

FLASH

Microsoft office/ Word processing

Extra-Curricular Activities...

 

1. October 11-17, 2013: Nognatang Camp, Phuviang, Khonkan, Thailand (To build the building for urban  student.)

 

2. July 21-23, 2013: Participated in “Stories and songs” English camp By Native Volunteer Teachers from Tennessee.

 

ตัวฉันในวันวาน VS ตัวฉันในวันนี้
 

เมื่อครั้งยังเยาว์: 

 

            ภาพด้านข้างนี้ ถูกถ่ายเมื่อฉันอายุประมาณ 4 ขวบ ข้างหลังคือพวกๆพี่ชาย ฉันในตอนนั้นเป็นหลานสาวคนแรกของตระกูล จึงได้รับความรักและความเอาใจใส่จากทุกคนในครอบครัวมาก โดยรวมแล้วเป็นคนที่ดื้อมาก ซนมาก ไม่ค่อยจะอยู่นิ่งๆ เอาแต่ใจอย่างรุนแรง ประมาณว่าอยากได้อะไรต้องได้ ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะร้องไห้หรือกรี๊ดจนสลบไปเลย อาจจะเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว คลอดก่อนกำหนด ตัวเล็กมากๆ และป่วยบ่อย จึงมีแต่คนตามใจจนเคยตัว แต่แล้ว! พฤติกรรมที่ร้องไห้กรี๊ดๆ หายไปเมื่อพ่อที่เป็นทหารได้วางกฎระเบียบในดำรงชีวิตอย่างเคร่งครัด ประมาณว่าวางเงื่อนไขนั่นเอง หากทำความดีความชอบก็จะได้รับรางวัล แต่หากทำตัวดื้อซนหรือเอาแต่ใจจะมีมาตรการลงโทษให้เลือก 2 อย่าง ได้แก่ ถูกกักบริเวณในคอกไม้สำนึกผิด 10 นาที หรือฟาดก้นด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไม่เรียว ก้านมะยม ไม้แขวนเสื้อ เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงของการลงโทษก็แล้วแต่กรณี      

 

 

ประถมวัย-ประถมหก:

             

           เนื่องจากตัวฉันเติบโตมาในชนบท เมื่อต้องเข้ามาเรียนในตัวเมือง ภาษาจึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญมากสำหรับฉันในช่วงเวลานั้น มีหลายครั้งที่ฉันปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่ม ด้วยการพูดไทยคำอีสานคำ ทำให้ไม่สามารถสื่อสารกับเพื่อนและคุณครูได้ ตอนนั้นไม่กล้าคุยกับใครเลย เหมือนอยู่ตัวคนเดียวใจโลก เพื่อนแกล้งก็ไม่กล้าฟ้องครู อายมาก แต่ฉันก็สามารถผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนั้นมาได้ ฉันขยันมากยิ่งขึ้น ทำให้เพื่อนและครูยอมรับด้วยการตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนที่ดี นอกจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ฉันยังมีอาการ    ไฮเปอร์แอกทีฟร่วมด้วย อาการอยู่ในขั้นหนักเลยทีเดียว ฉันต้องรับประทานยาและเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีต่างๆ เช่น ดนตรีและกีฬาบำบัด นี่เองที่เป็นที่มาของความสามารถพิเศษของฉัน จากการทำดนตรีบำบัดฉันสามารถเล่นเครื่องดนตรีไทยได้หลายประเภท นอกจากนั้นฉันยังเคยเป็นนักกีฬาเทควันโดของจังหวัดอีกด้วย จากความสามารถพิเศษนี้เองทำให้สามารถสอบเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสตรีศึกษาได้ก่อนใคร (รอบความสามารถพิเศษ) จากนั้นจึงทำการสอบคัดห้องเรียนทีหลัง ซึ่งผลปรากฏว่า ฉันได้อยู่ห้องคิง ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่เก่งที่สุดมั้ง การได้เข้ามาอยู่ในสังคมที่มีแต่เด็กที่เรียนเก่งๆ ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก

 

 

ม. ต้น ห้องคิง :

 

             จากที่เคยเป็นอันดับต้นๆเมื่อสมัยอยู่ชั้นประถม พอมาอยู่มัธยมฉันคิดว่าตนเองน่าจะอยู่ในระดับกลางๆ สังคมเด็กเก่งมีการแข่งขันสูง เห็นแก่ตัวมาก มีการแข่งประจบประแจงครูผู้สอน กวดวิชากันอย่างหนัก ทำทุกอย่างเพื่อเกรด แทบไม่มีเวลาได้หายใจกันเลยทีเดียว แต่สำหรับฉันที่เป็นเด็กในระดับกลางๆของห้อง ฉันและกลุ่มเพื่อนหันมาเอาดีด้านการทำกิจกรรม ทั้งในโรงเรียนและระดับจังหวัด มีคนมากมายรู้จักฉัน ไปไหนมาไหนก็มีแต่พี่ๆน้องๆทักทาย ถึงจะเรียนไม่เก่งมาก แต่ก็ชีวิตในโรงเรียนแต่ละวันก็มีสีสันดี สิ่งที่ฉันไม่ชอบมากที่สุดในตอนที่อยู่ ม.ต้น ก็คือ การตัดผมสั้นเสมอติ่งหู เพราะมันทำให้ฉันดูเหมือนเด็กผู้ชาย ขัดกับ Lifestyle สวยหวานของฉันเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

ม. ปลาย วัยว้าวุ่น :

 

             จุดนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันเลือกมาเรียนสายภาษา (อังกฤษ-ฝรั่งเศส) ที่โรงเรียนเดิม ซึ่งขัดต่อความต้องการของพ่อแม่และกระแสนิยมของสังคมเป็นอย่างยิ่ง คือแบบว่าผู้ปกครองอยากจะให้เรียนสายวิทย์-คณิต เพื่อที่จะได้มีโอกาสในการสอบเรียนต่อมากขึ้น แต่ตอนนั้นเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ไม่ใช่เอาแต่ใจนะ แต่ผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว ทั้งจากความชอบ ความสามารถ การเรียนต่อในอนาคต เราจริงจังกับชีวิตมาก แต่ผู้ใหญ่เค้าแค่หวังดีและไม่รู้ว่าเราคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้ (ในตอนนี้ก็ยังคิดว่าตนเองคิดและเลือกอย่างชาญฉลาด) พอมาเรียนในสายที่ตนเองชอบและถนัด ฉันก็กลับมาเป็นลำดับต้นๆของห้อง ในด้านกิจกรรมก็ยังไม่ทิ้งเพราะการทำกิจกรรมถือเป็นการฝึกทักษะชีวิตที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ตั้งแต่ก้าวแรกที่เลือกมาเรียนสายนี้ ได้วางแผนอนาคตของตนเองเอาไว้เลยว่า จะสอบเรียนต่อคณะโบราณคดี สาขาประวัติศาสตร์และศิลปะร่วมสมัย จบมาจะทำงานในสายโบราณคดีเพื่อพัฒนาประเทศ ดังนั้นการเรียนทั้งในโรงเรียนและเรียนพิเศษ รวมถึงการทำกิจกรรม จึงจะมุ่งไปในทางที่เกี่ยวกับสายงานนี้ แต่แล้วจุดเปลี่ยนของชีวิตก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงฤดูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย 

 

 

อะไรเอ่ย สอบติด แต่ไม่ได้เรียน? :

 

             คำตอบก็คือ ฉันนี่แหละ ฉันนี่แหละ หึหึ  ด้วยความที่สอบตรงได้หลายที่ รวมทั้งที่ที่ตนเองอยากเข้า(โบราณคดี) แต่ตอนนั้นกระแสครูกำลังมา ผู้ปกครองจึงอยากให้เรียนครู สาเหตุหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิตในครั้งนี้ ก็คือ แม่ป่วย! แม่บอกว่าถ้าหนูเรียนครูแม่อาจจะมีกำลังใจ เฮ้อ...เพราะความกตัญญูตัวเดียวเลย สุดท้ายจึงเลือกเรียนครู ละทิ้งความฝันของตนเองเพื่อทำตามความฝันของแม่ 

 

 

ตัวฉันในตอนนี้:

 

                 พูดมากเหมือนเดิม ขยัน บ้างาน อดทนถึก มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบความรื่นเริง มองโลกในแง่ดี จินตนาการสูง ยังเอาแต่ใจบ้าง อาการไฮเปอร์ก็ยังมีบ้าง สิ่งที่เปลี่ยนไป ก็คือ ฉันเข้าใจตนเองและคนอื่นๆมากยิ่งขึ้น แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี   กล้าเผชิญกับปัญหา เป็นตัวของตนเอง รักครอบครัวและแคร์คนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น (แต่ก่อนแคร์แต่เพื่อนแล้วก็ถูกทำร้ายจิตใจบ่อยๆ) เริ่มปลงกับชีวิตและใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไม่ประมาท เพราะตัวเราไม่รู้เลยว่าเราจะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้กับคนที่เรารักได้อีกกี่วัน ปัจจุบันถ้าถามว่าคิดถูกหรือไม่ที่เลือกมาเรียนครู คงต้องตอบว่ายังไม่รู้ แต่บอกได้เพียงว่ารู้สึกพอใจกับทุกๆวันที่ผ่านเข้ามาและทุกๆประสบการณ์ที่ได้รับ ฉันบอกได้เพียงว่าฉันไม่เสียใจกับการเลือกในครั้งนั้นเลย

                จากความคิดเห็นของฉัน ปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของตัวฉันเปลี่ยน สิ่งที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากเลยก็คือ การศึกษาและการเรียนรู้ ประสบการณ์เป็นครูที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ตัวฉันเองเรียนรู้จากการปฏิบัติ การลองผิดลองถูก การศึกษาด้วยตนเองและการอบรมสั่งสอนจากหลากหลายสำนัก สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้พฤติกรรมฉันเปลี่ยนไป

2010 - present

2010 - present

  • c-facebook

© 2015 by It's my block. Proudly Created with Wix.com

bottom of page