top of page

Workshop @ SEMAO_Singapore

24-25 มีนาคม 2557…การเดินทางที่แสนยาวนาน
 

                   นับเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานจริงๆ เริ่มจาก 8.00 น. ขึ้นรถชมพู เดินทางจากร้อยเอ็ดมาเตรียมความพร้อมที่มหาสารคาม พอมาถึงก็ต้องมาทำความสะอาดห้อง เก็บกระเป๋าใหม่เพราะกลัวว่าน้ำหนักจะเกิน เนื่องจากต้องแบกของกินจำพวกมาม่า ขนมปัง นมกล่อง ไปสิงคโปร์ด้วย เพื่อความประหยัด จากนั้นก้อไปแสตนบายที่หออ้อนกับชาวคณะ 3EN พอทุ่มกว่าๆ ก็ออกไปรอขึ้นรถตู้ที่พลาซ่า ม.ใหม่ ชั่งน้ำหนักกระเป๋า หาข้าวทาน แล้วก็นั่งรอพี่ๆ พี่ๆบางคนก็มาสายบ้างเล็กน้อย แต่ที่ทำให้การเดินทางล่าช้ามากเห็นจะเป็นการขนกระเปาเดินทางของแต่ละคนขึ้นรถ แบบว่าแทบจะไม่มีที่นั่งกันเลยทีเดียว จากนั้นประมาณสามทุ่มครึ่งก็ไปรับอาจารย์นินจา แล้วก็ออกเดินทางสู่สนามบินดอนเมือง กทม. มาถึงสนามบินประมาณ 02.45 น. ก็ตรงไปยังเคาท์เตอร์ Checking Desk เพื่อขอ Boarding Card ตรวจและชั่งน้ำหนักกระเป๋า ใช้เวลานานมาก เพราะเรามากันหลายคนและพนักงานมีน้อย (พนักงานก็เบลอๆเหมือนจะเหงานอน) เสร็จสิ้นกระบวนการประมาณตีสี่ ก็เลยแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว (แลกเงิน เข้าห้องน้ำ ตุนเสบียง) ประมาณตีห้ากว่าๆ ก็ไปยังจุด Immigration (นานอีกตามเคย) กว่าจะแล้วเสร็จก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องพอดี 

 

                   เครื่องบินที่คณะของเรานั่ง Take off ประมาณ 06.45 น. ที่จริงก็ใช้เวลาเดินทางไปสิงคโปร์ไม่นานน่ะ แต่ไอ้นานง่วงนอนก็เลยหลับตลอดเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเครื่องบินจะ landing แล้ว ก้าวแรกในการเหยียบสนามบิน Changi มันช่างแตกต่างจากดอนเมืองราวฟ้ากับเหว ก็เคยมาสิงคโปร์แล้วครั้งหนึ่งนะ แต่มาทางเรือ เลยเพิ่งจะได้เห็นสนามบินของเค้าเป็นครั้งแรก หรูหราพอสมควร แต่มีสำคัญเลยคือสะอาดและเป็นระเบียบ ทั้งตัวระบบและผู้คน ทำให้ช่วงเวลาที่เราใช้ในสนามบิน (ตรวจกระเป๋า ตม. โหลดกระเป๋า) เร็วขึ้น สะดวกสบายมาก จากนั้นคณะของเราก็นั่ง Sky train ไปยังจุดบริการ MRT (รถไฟฟ้าใต้ดิน) การเดินทางที่สิงคโปร์สะดวกสบายและรวดเร็วมาก ส่วนมากเค้าจะใช้รถไฟใต้ดินกัน แต่ยานพาหนะแบบอื่นก็มีเช่นกันน่ะ คนที่นี่แม้ว่าเค้าจะรวยสักแค่ไหนก็ไม่ค่อยใช่รถยนต์กัน ถ้าไม่จำเป็น เค้านิยมใช้ขนส่งมวลชนเสียมากกว่า ทำให้รถไม่ค่อยติด อุบัติเหตุก็น้อย เคยลองถามเค้าดูเหมือนกันว่าทำไมไม่ใช้รถยนต์ เค้าเลยตอบว่าหาที่เติมน้ำมันยาก น้ำมันก็ราคาแพงด้วย (ก็จริงเพราะตั้งแต่มาที่นี้ยังไม่เห็นปั้มสักที่เลย) คือเค้าต้องการจะบอกว่าถ้าใช้รถยนต์ นอกจากราคาน้ำมันแพงแล้วยังต้องเสียเวลาออกไปเดิมนอกเมืองอีก บ้านเค้ามีกฎหมายห้ามมีสถานที่เก็บวัตถูไวไฟในเขตเมือง ดังนั้นรถยนต์ที่เราเห็นวิ่งในประเทศนี้จึงเป็นระบบ Hybrid (ไฟฟ้า) กันทั้งนั้น เจ๋งอ่ะ

 

                   มารอบนี้พี่ๆศึกษาเส้นทางมาดี ขอยกความดีความชอบให้ เพราะคณะเราสามารถเดินทางมาถึงที่พักได้อย่างถูกต้อง ห้องพักก็ถือว่าใช้ได้เลยสำหรับนักเดินทางแบบ Backpackers พอเก็บกระเป๋าเสร็จ เราก็ไปชมย่านคนไทยในสิงคโปร์ ซึ่งมันไม่ต่างจากสำเพ็งบ้านเราเลย คนพูดไทย ฟังเพลงหมอลำ กินส้มตำกันเกล่อ อาหารการกินถูกปาก ราคาเป็นกันเอง จากนั้นก็แยกย้ายกันเดินทาง มีพี่ปีสี่บางกลุ่มไปสำรวจเส้นทางไป SEAMEO อีกกลุ่มนอนพักผ่อนที่ห้อง ส่วนตัวเอง อ้อน หนูแดงและสวีทพี (ขาลุย) พวกเราขออนุญาตพี่ๆลองออกเดินทางดันเองไปรอที่จุดนัดพบ Chack Qaue เพื่อล่องเรือชมเมือง เป็นการเดินทางเองครั้งแรกที่เจ๋งมาก ไม่หลงเลยด้วย ได้ฝึกภาษาตลอดทาง แต่คือแบบไปรอพี่ๆนานมาก เพราะสองกลุ่มที่ตามมาทีหลังหลงทางไปไกลเชียว กว่าจะได้ล่องเรือก็ปาไปสี่โมงเย็น

 

                ในระหว่างที่ล่องเรือ พวกเราก็ได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของสิงคโปร์ พอเดินทางมาถึงที่ตั้งของ Merlion ก็ปรากฏว่าเค้าปิดซ่อม แบบว่าเสียดายมากอ่ะ อุตส่าห์ได้มาทั้งที ดันพลาดซะได้ ดังนั้นเราก็เลยไปชม Garden by the bay นั่งชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer แทน แล้วก็ ชอปเล็กน้อย ก่อนจะเดินทางกลับที่พักโดย MRT เพิ่งรู้ว่าที่สิงคโปร์ฟ้ามืดช้า ทุ่มนึงแดดยังออกเปรี้ยงๆเหมือนสี่โมงเย็นบ้านเรา เฮ้ออออ แล้วตอนไหนฉันจะได้นอนเนี่ย

 

 
26 มีนาคม 2557…ไปเรียนวันแรก+Shopping in China Town+ หลงทางที่ Little India 
 

                     เช้าวันที่สองของการเดินทางมาเรียนและท่องเที่ยวในสิงคโปร์ วันนี้ตื่นตีสี่ครึ่ง ต้องทำเวลาหน่อย เพราะใช้ห้องน้ำรวมและต้องรีบออกเดินทางแต่เช้าไปสถาบันสอนภาษา SEAMEO ข้าวเช้าวันนี้คือ มาม่า Cereal และกาแฟ เวลา 07.30 น. พอทุกคนทำธุระส่วนตัวและพร้อมจะเดินทาง พวกเราก็มุ่งหน้าสู่สถาบัน SEAMEO ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Orange Road แถบนี้เป็นแหล่งการศึกษา เป็นย่านคนฐานะดีพอสมควร ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางก็จะเห็นเด็กๆกำลังไปโรงเรียนกัน ที่นี่เค้ายังไม่ปิดเรียนกัน การข้ามถนนที่นี่ออกจะเสี่ยงตายเล็กน้อย คือถึงจะไฟเขียวรถกำลังวิ่งกันอยู่แต่ถ้าไฟคนเดินเขียวปุ๊ป รถทุกคันต้องหยุดให้คนเดินก่อน คือแบบว่าน้อยมากที่รถจะไม่หยุดให้ แต่ที่เรากลัวก็คือรถเบรกแตกนี่สิ ขับรถกันเร็วมากถ้าต้องมาเบรกกะทันหัน ไอ้เราที่เดินๆอยู่ได้ยินเสียงล้อรถบดถนนก็เสียวน่ะเออ โรงเรียนที่นี่เค้าไม่ใหญ่โตน่ะ นักเรียนเค้าก็มีจำนวนไม่มากจนเกินไป นักเรียนที่นี่มีทั้งใส่ Uniform และ Private แล้วแต่โรงเรียน

 

                    ในที่สุดก็เดินทางมาถึงที่เรียน เรามาถึงก่อนเวลามากเลยทีเดียวหล่ะ ที่นี่เค้าเริ่มทำงาน 08.30 น.  แต่เรามาถึง 08.00 น. บอกแล้วว่าการคมนาคมของเค้ารวดเร็วจริงๆ ทั้งที่ที่พักและที่เรียนไกลกันมาก แต่เรายังมาถึงก่อนเวลา  เวลา 09.00 น. เราก็ได้มานั่งในห้องเรียน ทำพิธีเปิดการ Workshop แบบไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก เน้นอบอุ่น หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลา Ice Breaker แนะนำตัว ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์และก็แนะนำจุดบริการต่างๆในสถาบันที่เราสามารถใช้ได้ฟรี เยี่ยมยอด!...มีที่กดน้ำดื่มฟรี ทั้งแบบเย็นและร้อน เนื่องจากเรามีเวลาในการเรียนน้อยมาก ดั้งนั้นพอ Course Briefing เสร็จ เราก็มาเริ่มเรียนกันเลย คาบแรกเป็นเรื่อง Child Language Acquisition ซึ่งเกี่ยวกับการเข้าใจภาษาของเด็ก เรื่องนี้เราก็พอมีพื้นฐานมาแล้วจากการเรียนในชั้นปีสามที่ผ่านมา ส่วนมากก็เป็นการแนะนำว่า เด็กมีการรับรู้และเข้าใจภาษาได้อย่างไร

 

                    การสอนภาษาที่สองให้แก่เด็กควรเริ่มเมื่อไหร่ มีวิธีการสอน กิจกรรมน่าสนใจใดบ้างที่มีส่วนช่วยให้เด็กเรียนได้ดีและมีความสุข แต่เนื่องจากเวลามีน้อย อาจารย์ที่สอน (Dr. Fung) ท่านเลย Copy ลิงค์สื่อการสอนให้เราไปศึกษาต่อนอกห้องเรียน พักเที่ยงวันนี้ประทังชีวิตอยู่ได้ด้วยมาม่าที่พักมาจากไทย แบบว่ายังช็อกกับค่าเงินที่นี่อยู่ เลยยังไม่อยากฟุ่มเฟือย พอช่วงบ่ายโมงก็มาเริ่มเรียนอีกทีกับ Elsa อาจารย์ท่านมาก่อนเวลา ไอ้เราก็รักษาเวลาเช่นกัน กลัวขายหน้าเค้า แต่สุดท้ายก็มีเพื่อนบางคนเข้าช้าจนได้ สายสิบนาทีกว่าๆแหน่ะ อายสุดๆ เฮ้ออออออออ ตอนบ่ายเรียนเรื่อง Activities for Teaching Aural and Oral Skills ซึ่งจะเน้นหนักไปทาง TPR ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราเรียนแล้วอีกตามเคย เหมือนเค้าจะแป๊กไปช่วงที่ถามอะไรมาเราตอบได้หมด ประมาณว่าเรารู้ดีเลยเชียวหล่ะ อาจารย์เลยพยายามหากิจกรรมใหม่ๆ สำหรับเพิ่น แต่เก่าสำหรับเรามาแนะนำ ซึ่งก็แป๊กอีก แต่คณะเราก็พยายามเรียนและทำกิจกรรมที่เค้าหามาให้อย่างสนุกสนานน่ะ เราก็คนไทยอะน่ะ พยายามรักษาน้ำใจเต็มที่จร้า พอหลังจากอาจารย์ปรับตัวได้ การเรียนการสอนเลยเป็นแบบแลกเปลี่ยนกิจกรรมกันมากกว่า ก็ถือเป็นคาบที่สนุกสนานดี ได้เคลื่อนไหว ไม่ง่วงนอน แต่ไม่แปลกใหม่ (ไม่ได้ตำหนิน่ะ แต่ทางเราอาจไม่ได้ประสานกับทางศูนย์ว่าเรามีพื้นความรู้เรื่องใดบ้าง เค้าเลยหยิบมาสอนเราแบบสุ่มๆ ดังนั้นในเรื่องนี้ถือเป็นความผิดของทางคณะเรา ส่วนทางศูนย์เค้าได้พยายามทำหน้าที่เต็มความสามารถแล้ว)

 

                   หลักจากเลิกเรียนเราก็เดินทางมาหาข้าวทานที่ China Town และก็ชอปจร้า ที่นี่ของถูกมากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ตอนนี้เริ่มจะทำใจกับค่าเงินได้แล้ว ไหนๆก็ได้มาทั้งที ชอปเต็มที่เลยละกัลป์ หอบของหนักมาก (ถ้ารู้ว่าจะไปเดินหลงทางที่ Little India ต่อน่ะ จะไม่มีทางซื้อของเยอะอย่างนี้เด็ดขาด ฮือออออ)

 

                   หลังจากเผาเงินที่ China Town อย่างมีความสุขปนทุกข์ เราก็ตกลงกันว่าจะมาซื้อ Chocolate ที่ Little India กัน ที่นี่ขึ้นชื่อว่า Chocolate ราคาถูกและอร่อย เนื่องจากกลัวรอพวกพี่ๆนาน กลุ่มเลยว่าจะกลับกันก่อน โดยมีพี่แสลก อ้อน ยี่และตัวเองร่วมคณะผจญภัย ตอนแรกที่ดูแผนที่ คิดว่าจุดที่เราอยู่คงไม่ไกลจากที่พักนักเพราะเห็นตึกสูงที่อยู่ใกล้ที่พักอยู่ลิบๆ จึงตัดสินใจเดินกลับ แต่ที่ไหนได้ภาพมันหลอกตาค่ะ เราใช้เวลาการเดินทางหอบหิ้วของ เดินวน เดินหลงกันนานมาก ราวๆ 1 ชั่วโมงได้มั้ง ถามคนเป็นสิบๆ ตั้งแต่นักท่องเที่ยว วินมอเตอร์ไซค์ แม่ค้า ขอทาน คนกวาดถนน จนนักธุรกิจ กว่าเราจะหาทางเดินกลับมาถึงที่พัก ที่น่าแปลกใจคือคนเหล่านั้นพูดสื่อสารภาษาอังกฤษกันได้หมด พอกลับมาถึงตอนแรกก็กะจะนอนเลยเพราะเหนื่อยมาก แต่เข้าห้องไม่ได้เพราะพี่ๆยังไม่กลับมากัน(อาจจะหลงทางอยู่) หลังจากนั้นราว 15 นาทีพี่ก็มา หลังจากอาบน้ำแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนเลยจร้า

 
27 มีนาคม 2557…เรียนวันสุดท้าย+Eating & Shopping at China Town+ The Fountain of wealth+ ข่าวร้ายของชาว EN  
 

                  วันที่สามแล้วสินะ วันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนตามเคย วันนี้จะเป็นการเรียนวันสุดท้ายแล้วก็มีทั้งอารมณ์ดีใจและเสียใจ ดีใจที่จะได้เที่ยวเล่นหลังจากเรียนเสร็จและเสียใจที่รู้สึกว่าค่าลงทะเบียนเรียน 6,000 กว่าบาทยังไม่คุ้มเลยกับสิ่งที่ได้รับมา เฮ้ออออ ไหนๆก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว เก็บให้เต็มที่ละกัลป์ สู้โว้ยยยยย

เดินทางมาถึง SEAMEO แปดโมงเช้า มาก่อนเวลาเรียนอีกตามเคย กลัวสายไง ช่วงเช้าขนส่งมวลชนแน่นเอี๊ยดเลย มาถึงที่เรียนเร็วก็ได้มานั่งสังเกตสิ่งรอบๆตัว เด็กนักเรียนที่นี่เค้าเข้าเรียน 9 โมงเช้ากันเพราะไม่มีเคารพธงชาติ ส่วนใหญ่เดินทางกันเองด้วยขนส่งมวลชน ระดับประถมก็ขึ้นรถเองแล้ว ที่เล็กๆหน่อยพ่อหรือแม่ ไม่ก็พี่เลี้ยงจะมาส่ง แต่ไม่มีการอุ้ม ประคบประหงมอะไรทั้งสิ้น เดินเอง กระเป๋าก็ถือเอง เป็นการฝึกให้เด็กช่วยตัวเอง ถ้าบ้านเราหน่อยเป็นไม่ได้ แถบจะเอาราชรถมาเกย 555555+ ถึงจะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน แต่บ้านเค้าไม่มีรถติดให้เห็นเลย น่าประทับใจมาก เรื่องการรักษาระเบียบวินัยคงไม่ต้องพูดถึง เป๊ะเว่อร์อยู่แล้ว

                  คาบเช้าของวันนี้เรายังคงเรียนกับ Aj. Elsa เรื่องที่เรียนวันนี้คือ Using Stories to Develop Reading And Listening Skills ก็นับว่าเป็นเรื่องที่คุ้นๆกันอยู่แล้ว ไม่ได้ชมตัวเองเกินไปน่ะ แต่เป็นเพราะมีโอกาส Take Crouse Story Telling กับ Dr .Wajuppa มา ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพื้นฐานเรื่องนี้เยอะพอสมควร กิจกรรมบางอย่างที่ได้แลกเปลี่ยนกัน ที่ใหม่ๆเราก็ถ่ายวิดีโอบันทึกไว้ เผื่อนำมาประยุกต์ใช้ ก็น่าสนใจดี คาบนี้ได้แชร์ประสบการณ์ กิจกรรม ได้ Act out ทำให้การเรียนการสอนมีสีสัน ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเรา แต่ด้วยตัวกิจกรรมก็ทำให้ห้องเรียนไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก

พักเที่ยงจร้า อาหารมื้อนี้หนีไม่พ้น Hamburger อีกตามเคย เฮ้อ! กลับไปประเทศไทยคงไม่กิน Junk Food ไปอีกนาน พอตอนบ่ายก็กลับมาเจอกับ Dr. Fung อีกครั้ง ช่วงสุดท้ายของการเรียนเราจะหนักในเรื่อง Using Phonics to teach Reading Skills บอกได้เลยว่าตั้งแต่เรียน แต่ละเรื่องที่เจอล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราและเราเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วทั้งนั้น แต่เรื่องสุดท้ายนี้รู้สึกประทับใจกับการสอนมากที่สุด วิชานี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสอนเด็กอ่านละออกเสียงภาษาอังกฤษ ทั้งแบบเน้นความหมาย แบบเทียบโอนจากภาษาที่ 1 แต่ละกิจกรรมก็น่าสนใจมาก เช่น การสอนสะกดคำ การสอน Stress เสียง เป็นต้น ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายวิดีโอไว้

 

                 พอเรียนจบก็เป็นช่วงเวลาของ Course Evaluation (เราประเมินเค้า) และก็ตามด้วยพิธีปิดการ Workshop แบบเรียบง่าย ตัวแทนกล่าว มอบใบประกาศและถ่ายรูปหมู่ตามลำดับ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการ Workshop กับสถาบัน SEAMEO ในครั้งนี้

 

                 แผนการเดินทางหลังเลิกเรียน อันดับแรกเลยคือมุ่งหน้าไป China Town พี่ๆเพื่อนๆ บางกลุ่มแยกย้ายกันไปชอป แต่กลุ่มขอทัวร์กินอย่างเดียวจร้าวันนี้ นำทีมโดยอาจารย์นินจาเองคร้า วันนี้แต่ละคนกินอาหารไปไม่ต่ำกว่า 3 เมนู แต่หมดไม่ถึงคนละ 10 ดอลลาร์นับเป็นอะไรที่คุ้มมาก เดินเล่นที่ China Town จนถึงทุ่มกว่า เราก็มุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้า Sintec ซึ่งเป็นที่ตั้งของ The Fountain of Wealth หรือน้ำตกแห่งความมั่งคั่ง ที่มีความเชื่อว่าถ้าใครได้มาสัมผัสน้ำตกแห่งนี้จะได้กลับมาที่สิงคโปร์อีกครั้งและชีวิตจะมีแต่ความโชคดี ไหนๆก็ได้มาทั้งทีเราลยไม่พลาดจร้า แต่มากันเฉพาะชาวคณะ 3EN น่ะ พี่ๆเค้าไม่มากัน(ชวนแล้วน่ะเออ) ซึ่งพอมาถึงก็ไม่ผิดหวัง มันสวยมาก พอการแสดงแสงสีเสียงจบ เค้าก็ให้เราได้ลงไปสัมผัสตาน้ำพุ เดินวน 3 รอบและขอพร เจ๋งไปเลย ประมาณสามทุ่มเราก็เดินทางกลับที่พักด้วย MRT 

 

               นับเป็นวันที่มีความสุขมากทีเดียวกับการใช้ชีวิตท่องเที่ยวในต่างแดน ถ้าไม่มีเรื่องช็อคโลกและทำให้เราเสียใจอย่างสุดซึ้งเกิดขึ้นกับสมาชิกครอบครัว EN หลังจากกลับจากชมน้ำพุเราก็ได้รับข่าวร้ายว่าน้องบุ๊ค น้องปีสองที่น่ารักได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ที่อเมริกาสถานที่ที่น้องได้ไป Work and Travel เรื่องเกิดกะทันหันมาก เรารับไม่ไหวๆจริงๆ เคยทำงาน เคยเล่นหัวกับน้องไม่คิดเลยว่าจะมาด่วนจากกันอย่างนี้ R.I.P น่ะ ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกันอีก

 

 

 

28 มีนาคม 2557…ผจญภัยที่ Universal Studio
 

            และแล้วก็เดินทางมาถึง Universal Studio Singapore จนได้ มาครั้งที่แล้วไม่ได้มา วันนี้จะเที่ยวเล่นให้คุ้มกับเงิน 79 ดอลลาร์ (กว่า 2,000 บาท) ที่เสียไปเลย เดินทางมาถึงที่เกาะ Sentosa แต่เช้า เลยได้โอกาสถ่ายรูปกับลูกโลกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Universal แบบไม่มีใครแย่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันเที่ยว โดยกลุ่มเรา แก๊งซ์เดิม ยี่ อ้อน เอ้ ได้มุ่งหน้าไปถ่ายรูปกับ Merlion ต่อด้วย Singapore Sky tower และก็ไปชมหาดทรายจำลอง สวยมากเลย

 

            พอกลับมาที่สวนสนุกก็ถึงเวลาสวนสนุกเปิดพอดี พอเข้าไปได้ นังอ้อนก็เริ่มมหกรรมรัวชัตเตอร์ทันที โหยยยยยย นี่ขนาด Low Season น่ะ แต่นักท่องเที่ยวเยอะมากเลย เครื่องเล่นแรกที่เราไปเจิมคือ รถไฟเหาะจร้า เป็นแบบของเด็ก แต่ก็เล่นเอาเวียนหัวได้เลยทีเดียว จากนั้นก็ไปดูหนัง 4 มิติที่ปราสาท Shreck แล้วก็ไปชมการแสดงสุดเจ๋งที่ Water world เปียกกันท่วมหน้า แล้วก็ไปล่องแก่งในโซน Julasic Park โซนนี้น่ะ เปียกตั้งแต่หัวยันเท้า อย่างต่อไปคือ โรลเลอร์คลอสเตอร์แบบใต้ดินที่โซนอิยิปต์ มันส์สุดๆไปเลย แล้วก็แวะทานข้าวที่โซน Transformer พออิ่มท้องก็ต่อกันด้วยเครื่องเล่นรถไฟฟ้า 4 มิติ ทันที เสียดายอย่างเดียวที่รถไฟเหาะแบบลอยฟ้ามันปิดปรับปรุง พอเล่นหมดแล้วทุกอย่างก็ไปชิลๆถ่ายรูปที่โซน New York เวลาเหลือก็เดินเล่นถ่ายรูปชิลๆ อยากเล่นเครื่งเล่นไหนอีกก็เล่นเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ก็ว่าไป พอใกล้เวลานัด(สองทุ่ม)ก็ไปเดินหารซื้อของฝากที่ Universal Store จากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก สามทุ่มโดยประมาณก็ถึง ณ ขณะนั้น บอกได้คำเดียวเลยว่าอยู่ในสภาวะทิ้งตัว อยากนอน เหนื่อย เวียนหัว จะอ้วก วินรถไฟเหาะ เฮ้ออออออ ช่างเป็นวันที่ดูดพลังงานกันจริงๆ

 

29-30 มีนาคม 2557…วันสุดท้ายที่สิงคโปร์และเดินทางกลับบ้านไปเลือกตั้ง
 

             และแล้ววันสุดท้ายของการเดินทางก็มาถึง วันนี้ตื่นสายได้เป็นวันแรกตั้งแต่มาสิงคโปร์ เมื่อวานอาจารย์นินจาเดินทางกลับแล้ว พี่ๆเลยรับภาระดูแลสวัสดีภาพความปลอดภัยของน้องๆ หลังจากตอบน้ำแต่งตัว แพ็คกระเป๋าเดินทางและทานข้าวเช้าเสร็จ ชาวคณะก็ลงมา Check out และฝากของไว้กับทาง Hostel จากนั้นก็แยกย้ายเดินทางท่องเที่ยวในวันสุดท้าย

            เมื่อวานตอนอยู่สวนสนุกได้ทราบข่าวจากนักท่องเที่ยวมาว่า วันนี้ Merlion ตัวที่เป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์เปิดให้เยี่ยมชมแล้วหลังจากปิดปรับปรุงมาสามวัน ดังนั้นแผนการเดินทางท่องเที่ยวในวันนี้ก็คือไปดู Merlion จากนั้นก็ไปย่าน Orchard แหล่งชอปของชาวสิงคโปร์ ชาวคณะของเราประกอบด้วยขาลุย เอ้ อ้อน พี แดง ยี่และพี่สแลค ส่วนคนอื่นเค้าไป ชอปกัน

            วันนี้ก็เดินทางโดยใช้ MRT ตลอดทั้งวัน หลังจากที่เดินทางหลงไปหลงมา ถามทางครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ได้มายลโฉมเจ้า Merlion อีกครั้ง ดังนั้นเราเลยไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่ระลึกซะหลายชอต บ่ายสามกว่าๆก็ไปเดินเปิดหูเปิดตาดูสินค้าแบรนหรูๆที่ย่าน Orchard ที่นี่เป็นแหล่งทำเงินที่ใหญ่มากเลยที่เดียว สินค้าแต่ละอย่างเห็นราคาแล้วอยากจะเป็นลม หาเงินทั้งชาติจะได้ซื้อมั้ยก็ไม่รู้

 

            หกโมงเย็นนัดรวมพลที่ Hostel เพื่อกลับมาเอาสัมภาระ จากนั้นก็เดินทางไปสนามบิน Changi จร้า คนเยอะมากเลยบนรถไฟ สงสัยจะเป็นนักท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ เดินทางมาถึงสนามบินประมาณทุ่มนึง ก็เอากระเป๋าไปชั่งน้ำหนัก แต่ละคนเกินมาเยอะเชียว วุ่นวายน่าดูกว่าจะเฉลี่ยน้ำหนักกันลงตัว จากนั้นก็ไป checking desk เพื่อขอ Boarding card แล้วก็ไปทานข้าว ซื้อของที่ Duty Free ประมาณสี่ทุ่มก็ไปรอขึ้นเครื่อง

 

           เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ ตีหนึ่งครึ่งก็ขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางกลับมหาสารคาม ตอนรถตู้ขึ้นทางด่วนเห็นเด็กไทยแว๊นซ์รถแข่งกันด้วย นึกเปรียบเทียบในใจกับสิงคโปร์ เฮ้ออ Thailand only จริงๆ มาถึงมหาสารคามประมาณสองโมงเช้า จากนั้นก็ขึ้นรถชมพูกลับบ้านทันที เพราะมีหน้าที่ต้องไปเลือกตั้ง ส.ว. ปิดฉากการเดินทาง Trip นี้อย่างงดงาม 

  • c-facebook

© 2015 by It's my block. Proudly Created with Wix.com

bottom of page